บทความ

ประโยชน์ของกากกาแฟ

รูปภาพ
ประโยชน์ของกากกาแฟ 1.ใช้ดูดกลิ่นอับสารพัดที่              เอาไปใส่ในตู้เย็น ดูดกลิ่นอาหารหรือผลไม้กลิ่นแรง ใส่ในตู้รองเท้า ตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของ ไว้ดูดกลิ่นอับหรือแม้แต่ตั้งไว้ในบ้านเฉยๆ ก็ได้เหมือนกัน วิธีการก็แสนง่าย คุณอาจจะใส่ในถ้วยแล้วตั้งไว้ ผูกใส่ถุงกระดาษลักษณะคล้ายถุงการบูร แล้วห้อยไว้ในที่ต่างๆ ไ ม่เลอะเทอะสกปรก เปลี่ยนได้สะดวก 2.ใช้ไล่สัตว์              กลิ่นเฉพาะตัวของกาแฟที่มนุษย์เราชอบ แต่สัตว์หลายชนิดไม่ชอบ โดยเฉพาะมด ลองเอากากกาแฟไปทาขาโต๊ะ ทาฝาตู้กับข้าว หรือโรยตามพื้นที่มีมดขึ้นดู รับรองใช้แทนยาฆ่ามดได้แน่นอน ที่สำคัญเราผู้ใช้ก็ไม่เสี่ยงต่อสารเคมีอีกด้วย นอกจากมดแล้วเจ้าแมวน้อย ก็ไม่ชอบกลิ่นกาแฟเช่นกัน หากบ้านไหนปลูกต้นไม้ มีสวนดอกไม้หรือพืชผักสวนครัว แล้วกลัวน้องแมวซนๆ ไปเข้าไปเล่นล่ะก็ กากกาแฟ ช่วยคุณได้ เพียงคุณเอากากกาแฟไปโรยไปรอบๆ หรือผสมบนดินเท่านั้นเอง แถมยังป้องกันน้องแมวอุจจาระไม่เป็นที่เป็นทางได้อีก 3.ใช้บำรุงผิวหน้าผิวกายให้เปล่งปลั่ง              อย่างที่ทราบกันดีว่ากาแฟมีคาเฟอีนและสารต่างๆ ที่มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของร่างก

ข้อมูลเกี่ยวกับกาแฟ

รูปภาพ
สบู่กากกาแฟ ข้อมูลเกี่ยวกับกาแฟ กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดซึ่งได้จาก ต้นกาแฟ หรือมักเรียกว่า เมล็ดกาแฟ คั่ว มีการปลูกต้นกาแฟในมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก กาแฟเขียว (กาแฟซึ่งยังไม่ผ่านการคั่ว) เป็นหนึ่งในสินค้าทางการเกษตรซึ่งมีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก กาแฟมีส่วนประกอบของคาเฟอีน ทำให้มีสรรพคุณชูกำลังในมนุษย์ ปัจจุบันกาแฟเป็นเครื่องดื่มซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เป็นที่เชื่อกันว่าสรรพคุณชูกำลังจากเมล็ดของต้นกาแฟนั้นถูกพบเป็นครั้งแรกในเยเมน แถบอาระเบีย และทางตะวันออกเฉียงเหนือของเอธิโอเปีย และการปลูกต้นกาแฟในสมัยแรกได้แพร่ขยายในโลกอาหรับ หลักฐานบันทึกว่าการดื่มกาแฟได้ปรากฏขึ้นราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 อันเป็นหลักฐานซึ่งเชื่อถือได้และเก่าแก่ที่สุด ถูกพบในวิหารซูฟี ในเยเมน แถบอาระเบีย จากโลกมุสลิม กาแฟได้แพร่ขยายไปยังทวีปยุโรป อินโดนีเซีย และทวีปอเมริกา ในระหว่างที่กาแฟเริ่มเดินทางจากทวีปอเมริกาเหนือและตะวันออกกลางสู่ทวีปยุโรป กาแฟได้ถูกส่งผ่านไปยังซิซิลีและอิตาลีในตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 จากนั้นผ่านตุรกีไปยังกรีซ ฮังการี และออสเตรียในตอนปลายคริสต์ศตวรร

ข้อมูลเกี่ยวกับสบู่

รูปภาพ
ข้อมูลเกี่ยวกับสบู่             สบู่ เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดร่างกายที่ได้จากปฏิกิริยาของด่างกับไขมันจากพืชหรือสัตว์ ปัจจุบัน สบู่มีการใช้ส่วนผสมชนิดต่างๆเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของสบู่ให้มีลักษณะพิเศษ ตรงตามความต้องการใช้งานที่หลากหลายขึ้น “สบู่” จากคำข้างต้น หมายถึง ผลิตภัณฑ์ของสบู่ที่ทำให้เป็นก้อนหรือเป็นของเหลว พร้อมด้วยส่วนผสมต่างๆ เพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับการใช้ทำความสะอาด ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์สบู่ที่เราใช้กันในทุกวันนี้ ส่วน “สบู่ (soap)” อีกคำที่พบในสมการเคมีจะหมายถึง สารตั้งต้นสำหรับการผลิตสบู่ นั่นก็คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่ได้จากปฏิกิริยาระหว่างด่างเข้มข้นกับไขมันพืชหรือสัตว์ ร่วมด้วยกับกลีเซอรีน (Glycerine)/กลีเซอรอล (Glycerol) ซึ่งสารทั้งสองเป็นสารตั้งต้นในการทำสบู่เหมือนกัน แต่จะให้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะเรียกว่า “เกล็ดสบู่”ไขมันพืช/ไขมันสัตว์ + โซเดียมไฮดรอกไซด์/โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ = เกล็ดสบู่ (soap) + กลีเซอรอล/กลีเซอรีน+ แอลกอฮอล์ + น้ำ สารเคมีที่ใช้ทำสบู่ 1. ไขมัน/น้ำมัน เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสารตั้งต้นสบู่ ไขมันหรือน้ำมันท

อุปกรณ์

รูปภาพ
วัสดุ วัสดุในการทำสบู่              1.กลีเซอรีนแบบใสชนิดแข็ง  1กิโลกรัม              2.กากกาแฟ 1 ถ้วย              3.แอลกอฮอล์ 1 ขวด เครื่องมือและอุปกรณ์ เครื่องมือและอุปกรณ์ในการทำสบู่              1.เตาแก๊ส1 อัน                                  2.กระบวย 1 อัน              3.แม่พิมพ์สบู่  2 อัน              4.หลอดฉีดยา 1 หลอด              5.ป๊อกกี้ 1 ขวด              6.ช้อน 1 คัน

ขั้นตอนการทำ

รูปภาพ
ขั้นตอนการทำ 1.ละลายกลีเซอรีนในหม้อเล็ก ตัดชิ้นส่วนของกลีเซอรีนให้มากเท่าปริมาณที่จะใส่ลงไปในแม่พิมพ์ที่ซื้อมาให้พอ แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้ละลายได้ง่ายขึ้น แล้วใส่กลีเซอรีนชิ้นเล็กๆ ลงไปในหม้อสองชั้น เติมน้ำลงไปในหม้อกลางแล้วอุ่นด้วยไฟกลางจนกว่ากลีเซอรีนจะละลายทั้งหมด 2.เตรียมแม่พิมพ์สบู่.ใช้ขวดสเปรย์ที่จุแอลกอฮอล์ล้างแผลฉีดในแม่พิมพ์เบาๆ ให้ปกคลุมส่วนที่จะเทกลีเซอรีนลงไป แอลกอฮอล์จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดฟองอากาศที่จะเกิดในสบู่ในขณะที่มันกำลังเย็นและแห้ง ถ้าคุณไม่ใช้แอลกอฮอล์ ก็จะได้สบู่ที่มีฟองอากาศเป็นชั้นๆ 3.รินสบู่ลงไป. ยกหม้อชั้นที่สองขึ้นมาและค่อยๆ เทสบู่ลงในแม่พิมพ์ โดยเทให้ถึงขอบแม่พิมพ์ไปเลย ระวังอย่าเทเร็วเกินไป ไม่เช่นนั้นสบู่อาจออกมารูปร่างแปลกๆ ถ้ามันเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะเทสบู่ออกมาจากหม้อสองชั้น ให้เทลงในกรวยเพื่อกรอกลงในขวดหรือเหยือกที่มีพวยยื่นออกมา แล้วค่อยเทจากขวดลงไปในแม่พิมพ์สบู่อีกที โดยต้องทำอย่างรวดเร็วเลยนะ ถึงแม้ว่าสบู่จะยังไม่เย็นตัวเกินไปก่อนที่จะเทลงแม่พิมพ์

สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูล

รูปภาพ
สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูล 1.สบู่ที่ทำมาจากกลีเซอรีน ผสมสมุนไพรต่างชนิดกัน สามารถทำความสะอาดผิวกายต่างกัน สบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนไม่เป็นอันตรายต่อผิว เพราะนำสมุนไพรธรรมชาติมาผสม คือ “กากกาแฟ” มาใช้ในการทดลองและทำการประดิษฐ์ขึ้น 2.สบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนที่ทำเอง มีค่า pH ตรงตามมาตรฐาน คือ มีค่าได้ เท่ากับ 8 (หรือเบส) โดยสบู่ทั้งสองมีค่า pH เท่ากัน ซึ่งเป็นค่าที่ตามมาตรฐานที่ใช้ทำความสะอาดร่างกายกัน และค่า pH มีค่าเป็นกลางใกล้เคียงกับผิวพรรณของเราจึงสามารถนำไปทำความสะอาดร่างกายได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อผิวกาย อภิปรายผลการทดลอง จากที่เราได้ทำการศึกษาและทดลองและได้ประดิษฐ์สบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนสบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนที่ทำเองนั้น คือ สบู่กากกาแฟกับสบู่ขมิ้น มีค่า pH ตรงตามมาตรฐาน คือ มีค่าได้ เท่ากับ 8(หรือเบส) โดยสบู่ทั้งสองมีค่า pH เท่ากัน ซึ่งเป็นค่าที่ตามมาตรฐานที่ใช้ทำความสะอาดร่างกายกัน และค่า pH มีค่าเป็นกลางใกล้เคียงกับผิวพรรณของเราดังนั้นสบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนที่ผลิตขึ้นนั้นสามารถทำความสะอาดผิวกายได้ เพราะไม่มีอันตรายและมีค่า pH ที่ตรงตามมาตรฐาน